วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

รีวิว รีวิว canon eos 450d จ๊า



มาแล้วคับ หลังจากหายหน้าหายตาไปนานพอดู อิอิ มาวันนี้จับเจ้าตัว 450d มาเล่นดู ก็เลยมานั่งเขียนงานส่งอา
จารย์พร้อมทั้งได้ความรู้ไปด้วย อิอิ ถ้ายังไงก็ลองอ่านๆ ดูล่ะกันนะคับ ว่าแล้วก็ไปกันเล๊ยยยยย..... ^^

Canon EOS 450D เปิดตัวเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม ที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่แฟนๆ รอคอย หลังจากที่ 400D ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก EOS 450D ใช้เซ็นเซอร์ภาพแบบ CMOS 12.2 ล้านพิกเซล มีการตอบสนองการทำงานที่รวดเร็วด้วยหน่วยประมวลผลประสิทธิภาพสูง DIGIC III เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่นที่โดดเด่นหลายอย่าง อาทิ Auto Lighting Optimizer, Live View, จอ LCD 3.0 นิ้ว

ในช่วงปี 2007 ที่ผ่านมา กล้องดิจิตอล SLR ที่ได้รับความนิยมแพร่หลายมากที่สุด เห็นจะหนีไม่พ้น แคนนอน รุ่น EOS 400D ซึ่งเป็นกล้องรุ่นเล็กที่มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา แต่ให้คุณภาพที่ดีใกล้เคียงกับกล้องรุ่นโปร ผ่านมาถึงวันนี้ราวหนึ่งปีครึ่ง แคนนอนก็เปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ออกมาแทนรุ่น EOS 400D โดยเพิ่ม ขีดความสามารถให้สูงขึ้นหลายอย่าง ตอบสนองความต้องการของนักถ่ายภาพได้อย่างครบถ้วน จำหน่ายพร้อมเลนส์คิทขนาด 18-55 มม. ที่มีระบบ IS ป้องกันภาพสั่นไหว วางจำหน่ายในราคาเพียง 29,900 บาท นับเป็นกล้องที่คุ้มค่ามากทีเดียวครับ

แคนนอน EOS 450D ใช้เซ็นเซอร์ภาพแบบ CMOS ให้ความละเอียดสูงสุดถึง 12.2 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดภาพใหญ่สุด 4,288 x 2,854 พิกเซล มีการตอบสนองการทำงานที่รวดเร็ว ด้วยหน่วยประมวลผลประสิทธิภาพสูงใหม่ DIGIC III มีไดนามิกเร้นจ์กว้าง บันทึกรายละเอียด ในส่วนที่เป็นโทนมืดและสว่างของภาพได้อย่างสมบูรณ์ และมีไฟล์ฟอร์แมท RAW ที่แสดงสีได้มากถึง 14 บิต ภาพที่ได้จึงมีการไล่เฉดสีอย่างสวยงามสมจริงตามธรรมชาติ และยังมี Noise ต่ำมาก แม้ว่าจะใช้ความไวแสงสูงหรือถ่ายภาพด้วยความเร็วชัตเตอร์ต่ำมากๆ ก็ตาม

ฟังก์ชั่นใหม่ๆ ที่น่าสนใจเช่น Auto Lig
hting Optimizer ปรับเพิ่มความสว่างในส่วนที่เป็นโทนมืดอัตโนมัติ และฟังก์ชั้น Live View สามารถดูภาพจากจอ LCD ที่มีขนาดใหญ่ถึง 3.0 นิ้ว ขณะที่กำลังถ่ายภาพได้ ช่วยให้การถ่ายภาพในมุมสูงหรือมุมต่ำสะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ยังแสดงผลของการเปิดรับแสงบนจอ LCD ตามที่ปรับใช้ หมดกังวลเรื่องภาพมืดหรือสว่างกินไป และยังแสดงผลของระยะชัดลึกบนจอ LCD อีกด้วย ส่วนระบบวัดแสงได้เพิ่มแบบเฉพาะจุดเข้ามา ทำให้การวัดแสงที่ต้องการความปราณีตแม่นยำ สามารถทำได้เช่นเดียวกับกล้องระดับโปร และยังถ่ายภาพต่อเนื่องได้เร็ว 3.5 เฟรม/วินาที ส่วนแบตเตอรี่ใหม่รุ่น LP-E5 แบบ Lithium-ion ให้กำลังไฟมากขึ้น 50% รวมทั้งเปลี่ยนไปใช้ เมมโมรี่การ์ดแบบ SD/SDHC ทำให้ตัวกล้องมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา

แคนนอน EOS 450D มีเลนส์ EF และ EF-S ให้เลือกใช้มากมาย ทั้ง เลนส์เกรดโปรซีรีย์ L และเลนส์ที่มีระบบ ป้องกันภาพสั่นไหว รองรับการใช้งานได้ทุกรูปแบบ ตั้งแต่มุมกว้างไปจนถึงซูเปอร์เทเลโฟโต้ รวมทั้งเลนส์มาโคร และเลนส์พิเศษแบบต่างๆ พร้อมด้วยแบตเตอรี่กริปใหม่ BG-E5 ใช้แบตเตอรี่ได้พร้อมกัน 2 ก้อน หรือ AA 6 ก้อน เพิ่มความสะดวกในการถ่ายภาพแนวตั้งมากให้ขึ้น สามารถใช้งาน ร่วมกับอุปกรณ์เสริมต่างๆ ของแคนนอนได้หลายชนิด รวมทั้งแฟลชเฉพาะกิจ รุ่น 580 EX II ที่สามารถควบคุมการสั่งงานแฟลชจากตัวกล้องได้ด้วย จากที่คุ้นเคยกับกล้องแคนนอนมาเกือบทุกรุ่น ตั้งแต่รุ่นเล็กไปจนถึงรุ่นโปร เมื่อได้ลองกล้องรุ่นนี้แล้วพบว่านี่คือ กล้องดิจิตอลที่สมบูรณ์แบบและคุ้มค่ามาก สเปคระดับโปร แต่ราคามือสมัครเล่น อยากรู้ว่ากล้องรุ่นนี้มีดีอย่างไร ติดตามอ่านผลการทดสอบได้เลยครับ

คุณสมบัติเด่น - Feature

เซ็นเซอร์ CMOS ใหม่ 12.2 ล้านพิกเซล
EOS 450D ใช้เซ็นเซอร์ภาพใหม่แบบ CMOS ผลิตโดยแคนนอนเอง ให้ความละเอียดสูงสุดถึง 12.2 ล้านพิกเซล ขนาดภาพ 4,288 x 2,854 พิกเซล คูณทางยาวโฟกัสเพิ่ม 1.6 เท่าเหมือนกับกล้องรุ่น EOS 400D และใช้หน่วยประมวลผลประสิทธิภาพสูง DIGIC III ประมวลภาพได้อย่างรวดเร็ว แสดงสีได้มากถึง 14-bit ด้วย analog/digital conversion แสดงสีได้มากถึง 16,384 สี
มากกว่าแบบ 12 บิตที่แสดงสีได้เพียง 4,096 สี ทำให้ภาพที่ได้มีไดนามิกเร้นจ์กว้างและแสดงรายละเอียดของภาพได้ดีกว่า และยังมี Noise ต่ำ สามารถบันทึกเป็น 16-bit TIFF ได้เมื่อบันทึกด้วยฟอร์แมท RAW ผ่านโปรแกรม Digital Photo Professional (DPP) ที่ให้มาพร้อมกับตัวกล้อง

EOS 450D ออกแบบให้มีระบบกำจัดฝุ่นในตัวกล้องแบบ EOS Integrated Cleaning System ทำงานอัตโนมัติแบบ Self Cleaning Sensor โดยการสั่นสะเทือนฟิลเตอร์ low-pass ที่อยู่หน้าเซ็นเซอร์ภาพทำให้ฝุ่นหลุดออกไป และยังเคลือบผิวฟิลเตอร์เพื่อป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ ทำให้ฝุ่นไม่ติดหน้าเซ็นเซอร์ หากฝุ่นยังไม่ออกสามารถใช้ลูกยางเป่าลมไล่ฝุ่น หรือลบออกในภายหลังด้วยซอพท์แวร์ Digital Photo Professional

Live View Shooting ฟังก์ชั่นที่เพิ่มเข้ามาในกล้องรุ่นใหม่นี้ โดยแสดงภาพก่อนถ่ายให้เห็นบนจอ LCD ขนาดใหญ่ 3 นิ้ว ทำให้สะดวกในการถ่ายภาพทั้งมุมสูงหรือมุมต่ำ และรองรับการใช้งาน ในระบบออโต้โฟกัส และยังแสดงผลจำลองภาพจากค่าการเปิดรับแสงจริง รวมไปถึง แสดงผลของระยะชัดลึกบนจอ LCD ตามค่ารูรับแสงที่ใช้ และสามารถซูมขยายภาพได้ 5 หรือ 10 เท่า ทำให้โฟกัสได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น หากเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์จะดูภาพบนจอ LCD ได้โดยใช้ฟังก์ชั่น Remote Live View Shooting

ระบบวัดแสงของ EOS 450D แบ่งพื้นที่การวัดแสงออกเป็น 35 ส่วน แบบ evaluative ทำงานสัมพันธ์กับจุดโฟกัส และระบบไวท์บาลานซ์ใหม่ก็ยังทำงานได้แม่นยำกว่าเดิม ด้วยการวิเคราะห์สภาพแสงจากพื้นที่แต่ละส่วน และที่เป็นฟังก์ชั่นใหม่ในกล้องรุ่นนี้คือ ระบบวัดแสงแบบเฉพาะจุด พื้นที่ประมาณ 4% จากเดิมที่มีแค่ พาร์เทียล ที่วัดแสงตรงกลางประมาณ 10% ทำให้การใช้งานที่ต้องการความละเอียดแม่นยำทำได้เหมือนกับรุ่น EOS 40D หรือกล้องโปรรุ่นอื่นๆ และมีอีกระบบคือ วัดแสงเฉลี่ยหนักกลาง สำหรับภาพที่มีจุดเด่นอยู่กลางภาพ ส่วนใต้ช่องมองภาพก็มีเซ็นเซอร์สั่งให้จอ LCD ปิดอัตโนมัติเมื่อแนบตาเข้ากับช่องมองภาพ และใต้ช่องมองภาพ แสดงค่าความไวแสง ISO ให้ทราบด้วย ทำให้การปรับเปลี่ยน ความไวแสงทำได้สะดวกโดยไม่ต้องละสายตาจากช่องมองภาพ

ระบบวัดแสง 3 แบบในกล้อง EOS 450D มีระบบวัดแสงเฉพาะจุด 4% ให้ใช้งานเหมือนกล้องรุ่นโปร

EOS 450D มีระบบการทำงานที่รวดเร็วมาก พร้อมใช้งานหลังจากเปิดสวิตช์ใน 0.1 วินาที และถ่ายภาพ ต่อเนื่องได้เร็ว 3.5 ภาพ/วินาที ถ่ายต่อเนื่องได้รวดเดียว 45 ภาพที่ไฟล์ฟอร์แมท Large/Fine JPEG หรือ 6 ภาพที่ฟอร์แมท RAW และมี่ช่วงเวลาการสั่นชัตเตอร์สั้นเพียง 0.09 วินาที ความเร็วชัตเตอร์สูงสุด 1/4000 วินาที และสัมพันธ์แฟลชสูงสุดที่ 1/200 วินาที

ระบบออโต้โฟกัสของ EOS 450D ช่วยให้คุณโฟกัสได้แม่นยำและถูกต้อง ด้วยการออกแบบเซ็นเซอร์โฟกัสใหม่ วางตำแหน่งแบบ Diamond-shaped ทั้งหมด 9 จุด กระจายตำแหน่งเกือบทั่วทั้งจอภาพ ไม่ว่าสิ่งที่ต้องการ จะอยู่ตำแหน่งใดก็สามารถโฟกัสได้อย่างไม่ผิดพลาด โดยชุดเซ็นเซอร์จะครอบคลุมทั้งในแนวตั้งและแนวนอน โดยมีจุดโฟกัสตรงกลางแบบกากบาท มีความไวในการโฟกัสสูงสำหรับเลนส์ f/2.8 หรือกว้างกว่า และมีจุดโฟกัสรอบๆ อีก 8 จุดที่รองรับเลนส์รูรับแสงกว้างสุด f/5.6 โฟกัสได้มีในสภาพแสงน้อย

ฟังก์ชั่นที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือ Auto Lighting Optimizer ที่ทำงานร่วมกับระบบตรวจเช็กใบหน้า ช่วยปรับ
เพิ่มความสว่างของโทนมืด ช่วยให้จุดเด่นของภาพ รวมทั้งใบหน้าของตัวแบบดูสว่างสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

หนึ่งในฟังก์ชั่นที่โดดเด่น ซึ่งถือเป็นฟังก์ชั่นที่มีให้ใช้งานในกล้องดิจิตอลของแคนนอน รวมทั้ง EOS 450D นี้ด้วยคือ ฟังก์ชั่น Picture Style ซึ่งเป็นการปรับแต่งรูปแบบของภาพถ่ายตามที่ต้องการ โดยปรับเลือกได้หลากหลายรูปแบบ อาทิ Standard, Portrait, Landscape, Neutral, Faithful, Monochrome หรือภาพแบบขาว-ดำ และปรับเซ็ตเป็นค่าการใช้งานส่วนตัวของผู้ใช้เองได้

Auto Optimization ฟังก์ชั่นใหม่ที่ช่วยให้ได้ภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม เช่น ปรับภาพส่วนที่เป็นเงามืดให้สว่างและชัดเจนมากขึ้น ใช้งานได้กับทุกโหมด รวมทั้งโหมด P, Tv, Av, และ Manual

ข้อมูลจำเพาะ : Canon EOS 450D

ชนิด : กล้องดิจิตอล SLR ออโต้โฟกัส มีแฟลชในตัว
สื่อบันทึกภาพ : SD memory card, SDHC memory card
ขนาดเซ็นเซอร์ : 22.2 mm x 14.8 mm
เลนส์ที่ใช้ : Canon EF lenses (รองรับ EF-S lenses) (คูณทางยาวโฟกัส 1.6 เท่า เมื่อเทียบกับเลนส์กล้องฟิล์ม 35 มม.)
เลนส์เม้าส์ : Canon EF mount

เซ็นเซอร์ภาพ : CMOS sensor
ความละเอียด : 12.20 ล้านพิกเซล
อัตราส่วนภาพ : 3:2

ระบบ Color filter : RGB primary color filter
ฟิลเตอร์ Low-pass : Located in front of the image sensor, non-removable

ฟังก์ชั่นกำจัดฝุ่น เลือกใช้งานได้ 3 แบบ :

(1) Automatic sensor cleaning
(2) Manual cleaning of sensor

(3) Dust Delete Data appended to the captured image
ฟอร์แมทการบันทึก : Design rule for Camera File System 2.0
ไฟล์ฟอร์แมทภาพ : JPEG, RAW (14-bit Canon original), RAW+JPEG
ขนาดไฟล์ :
(1) Large/Fine: Approx. 4.3 MB (4272 x 2848 pixels)
(2) Large/Normal:

Approx. 2.2 MB (4272 x 2848 pixels)
(3) Medium/Fine: Approx. 2.5 MB (3088 x 2056 pixels)
(4) Medium/Normal: Approx. 1.3 MB (3088 x 2056 pixels)

(5) Small/Fine: Approx. 1.6 MB (2256 x 1504 pixels)

(6) Small/Normal: Approx. 0.8 MB (2256 x 1504 pixels)
(7) RAW: Approx. 15.3 MB (4272 x 2848 pixels)
* ขนาดของไฟล์ขึ้นอยู่กับวัตถุที่ถ่ายภาพ, ความไวแสง ISO speed, Picture Style เป็น
ต้น
หมายเลขลำดับภาพ : Consecutive numbering, auto reset, manual reset
โหมดสี Color space : sRGB, Adobe RGB
Picture Styles : Standard, Portrait, Landscape, Neutral, Faithful, Monochrome, User Def. 1 - 3
ไวท์บาลานซ์ : Auto, daylight, shade, cloudy, tun
gsten, white fluorescent light, flash, custom
Color temperature compensation

ปรับชดเชยไวท์บาลานซ์ : 9 stops in full-stop increments
ถ่ายภาพคร่อมไวท์บาลานซ์ : 3 stops in full-stop increments
* Blue/amber direction or magenta/green direction possible

ฟังก์ชั่นลด Noise : Noise reduction for long exposures, High ISO speed noise reduction, Automatic image brightness correction
เลือก Highlight tone : มี

ชนิดช่องมองภาพ : เพนทาไมเร่อร์ มองภาพระดับตา มองเห็นภาพประม
าณ 95%
อัตราขยายช่องมองภาพ : Approx. 0.87x (-1 m-1 with 50mm lens at infinity)
Eyepoint Approx. 19 mm (from eyepiece lens center)
Built-in dioptric adjustment -3.0 - +1.0 m-1 (dpt)
Focusing screen Fixed, Precision Matte

กระจกสะท้อนภาพ : Quick-return half mirror (Transmission: reflection ratio of 40:60, no mirror cut-off with EF600mm f/4L IS USM or shorter lenses)
แสดงข้อมูลในช่องมองภาพ : AF information (AF points, focus confirmation light), exposure information (shutter speed, aperture, AE lock, exposure level, ISO speed, exposure warning), flash information (fla
sh ready, high-speed sync, FE lock, flash exposure compensation), monochrome shooting, white balance correction, maximum burst, SD memory card information
ปุ่มเช็กชัดลึก : Enabled with depth-of-field preview button

ชนิดออโต้โฟกัส : TTL secondary image-registration, phase detection
จุดโฟกัส : 9 AF points
ช่วงการวัดแสง : EV -0.5 - 18 (at 23?C/73?F, I
SO 100)
โหมดโฟกัส : One-Shot AF, AI Servo AF, AI Focus AF, Manual focusing (MF)
การเลือกจุดโฟกัส : Automatic selection, manual selection

การแสดงจุดออโต้โฟกัส : Superimposed in viewfinder and indicated on LCD monitor
ไฟช่วยหาโฟกัส : Small series of flashes fired by built-in flash
Effective range: Approx. 4.0 m/13.1 ft. at center, approx. 3.5 m/11.5 ft. at periphery

โหมดการวัดแสง : 35-zone TTL full-aperture metering
> Evaluative metering (linkable to any AF point)
> Partial metering (approx. 9% of viewfinder at center)

> Spot metering (approx. 4% of viewfinder at center)
> Center-weighted average metering
ช่วงการวัดแสง : EV 1 - 20 (ที่ 23 องศาเซลเซียส กับเลนส์ EF50mm f/1.4 USM lens, ISO 100)
โหมดบันทึกภาพ : Program AE (Full Auto, Portrait, Landscape, Close-up, Sports, Night Portrait, Flash Off, Program), shutter-priority AE, aperture-priority AE, depth-of-field AE, man
ual exposure, E-TTL II autoflash
ความไวแสง ISO :

Basic Zone modes: ISO 100 - 800 set automatically
Creative Zone modes: ISO 100 - 1600 (in 1-stop increments), Auto
ชดเชยแสง : Manual: 2 stops in 1/3- or 1/2-stop increments (can be combined with AEB)
ถ่ายภาพคร่อม : 2 stops in 1/3- or 1/2-stop increments
ล๊อคความจำแสง :
Automatic : When focus achieved with evaluative metering and One-Shot AF

Manual: By AE lock button

ชัตเตอร์ : Electronically-controlled, focal-plane shutter
ความเร็วชัตเตอร์ :
1/4000 sec. to 1/60 sec., X-sync at 1/200 sec.

1/4000 sec. to 30 sec., bulb (Total shutter speed range. Available range varies by shooting mode.)
ถ่ายภาพหน่วงเวลา : 10-sec. or 2-sec. delay or 10-sec. delay plus continuous sh
ooting
รีโมทคอนโทรล : Remote Switch RS-60E3, Remote Controller RC-1/RC-5
แฟลชในตัว : Retractable, auto pop-up flash
ระบบวัดแสงแฟลช : E-TTL II autoflash
ไกด์นัมเบอร์ : 13/43 (ISO 100, in meters/feet)
ชาร์จไฟเต็ม : 3 sec.

มุมกระจายแสงแฟลช : 17mm lens angle of view
ชดเชยแสงแฟลช : 2 stops in 1/3- or 1/2-stop increments

ล๊อคความจำแสง : มี
รองรับแฟลชภายนอก : EX-series Speedlites
ระบบวัดแสงแฟลช : E-TTL II autoflash

ชดเชยแสงแฟลช : 2 stops in 1/3- or 1/2-stop increments
ล๊อคความจำแสงแฟลช : มี
การปรับควบคุมแฟลชภายนอก : ได้ Flash function settings, Flash C.Fn settings
ระบบเลื่อนภาพ : Max. approx. 3.5 shots/sec. (single shots possible)
บันทึกภาพต่อเนื่อง :
JPEG (Large/Fine): Approx. 53
RAW: Approx. 6

RAW+JPEG (Large/Fine): Approx. 4

* ทดสอบตามมาตรฐานของแคนนอน ด้วยเมมโมรี่ 2GB SD, ISO 100, และ Standard Picture Style
* Varies depending on the subject, SD memory card brand, image-recording quality, etc.
Live View Functions

โหมดการบันทึกภาพ :
(1) Live View shooting
(2) Remote Live View shooting
(with a personal computer installed with EOS Utility)
ระบบโฟกัส : Manual focus, Autofocus (Quick m
ode, Live mode)
ระบบวัดแสง : Evaluative metering with the image sensor

ช่วงการวัดแสง : EV 0 - 20 (at 23?C/73?F with EF50mm f/1.4 USM lens, ISO 100)
แสดงเส้นตาราง : มี
แสดงผลการวัดแสง : Simulated exposure displayed in real-time
จอมอนิเตอร์ LCD : TFT color liquid-crystal monitor 3.0 in. 230,000 พิกเซล
Coverage Approx. 100% Brightness adjustment 7 levels provided
การแสดงภาพ : Single image, Single image + Image-recording quality, shooting information, histogram, 4- or 9-image index, magnified view (approx. 1.5x - 10x), rotated image, image jump (by 1/10/100 images, or shooting date)
เตือนโทนสว่างในภาพ : Provided (Overexposed highlights blink)
การพิมพ์ภาพโดยตรง : Compatible printers

PictBridge-compatible printers
Digital Print Order Format : DPOF Version 1.1 compatible

คัสตอมฟังก์ชั่น : 13 แบบ
My Menu registration Provided
Interface USB terminal
Video OUT terminal : NTSC/PAL selectable
แบตเตอรี่ : Battery Pack LP-E5 (Quantity 1)
* AC power can be supplied via AC Adapter Kit ACK-E5
* With Battery Grip BG-E5, size-AA batteries can be used
ระบบปิดสวิตช์กล้องอัตโนมัติ : 30 sec., 1, 2, 4, 8, or 15 min.
Date/time backup battery Built-in secondary battery

Startup time Approx. 0.1 sec. (Based on CIPA testing standards)
Dimensions (W x H x D) : 128.8 x 97.5 x 61.9 mm

น้ำหนัก : 475 กรัม (body only)

Battery Pack LP-E5 lithium ion battery
Rated voltage 7.4 V DC
Battery capacity 1080 mAh
Recharging time Approx. 2 hours
Rated input 100 - 240 V AC (50/60 Hz)

การออกแบบ – Design

บอดี้ของ EOS 450D ออกแบบใหม่ให้ตัวเล็กและเบาลงกว่าเดิม ซึ่งทำให้สะดวก ในการพกพาไปใช้งาน ในสถานที่ต่างๆ และออกแบบให้ใช้เมมโมรี่การ์ดแบบ SD หรือ SDHC แทนการใช้การ์ด CF แบบเดิม การวางตำแหน่งปุ่มต่างๆ ด้านหลังมีการปรับเปลี่ยนหลายจุด เพราะมีขนาดจอมอนิเตอร์ใหญ่ขึ้นถึง 3 นิ้ว แบบ TFT liquid crystal display กินพื้นที่ไปกว่าครึ่งของตัวกล้อง มีความละเอียด 230,000 พิกเซล และสว่างมากกว่าเดิม 30% มองดูภาพได้ชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อใช้งานกลางแจ้งที่มีแสงสว่างมาก มองเห็นภาพเต็ม100% อีกทั้งยังมีมุมมองกว้าง 170 องศา พร้อมกับปรับความสว่างของจอได้ 7 ระดับ

ช่องมองภาพของ EOS 450D มองเห็นภาพ 95% ออกแบบใหม่โดยมีชุดสะท้อนภาพแบบ Eeflective Evaporated-silver Mirror ทำให้มองห่างได้ถึง 19 มม. แสดงรายละเอียดภายในช่องมองได้อย่างครบถ้วน อาทิ จุดโฟกัส ระบบวัดแสง ออโต้โฟกัส สัญลักษณ์แฟลช ความไวแสง ความเร็วชัตเตอร์ รูรับแสง เป็นต้น

จอมอนิเตอร์ของ EOS 450D มีขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 230,000 พิกเซล แบบ TFT liquid crystal display มีความสว่างกว่าเดิม 30% มองดูภาพได้ชัดเจนมากขึ้นโดยเฉพาะเมื่อใช้งานกลางแจ้งที่มีแสงสว่างมาก แสดงภาพ 100% เต็ม มีมุมมองกว้าง 170 องศา ปรับความสว่างของจอได้ 7 ระดับ แสดงเมนูด้วยตัวอักษรและไอคอนขนาดใหญ่ มองดูได้ชัดเจน แสดงเนูได้ 20 ภาษา

จากการใช้จอ LCD ขนาดใหญ่ ทำให้ตัวเลข ตัวอักษา และไอคอน มีขนาดใหญ่ มองเห็นได้ชัดเจนดีมาก แบ่งกลุ่มการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ อย่างชัดเจน เมื่อเลือกใช้งานที่โหมดใด จะแสดงตัวอักษรบอกชื่อโหมด สำหรับภาพทางด้านบนเป็นโหมดแมนนวล M และเฉพาะโหมดบันทึกภาพ Av , Tv และ M จะแสดงตัวเลข แสดงค่าความเร็วชัตเตอร์ และค่ารูรับแสงดังภาพทางด้านบน เป็นการออกแบบใหม่ที่น่าประทับใจมาก ตัวเลขจะขยายใหญ่ แม้ว่าจะสายตายาวก็ยังมองเห็นได้ชัดเจน และมีตัวอักษรชี้ทางซ้าย-ขวา เพื่อให้หมุนแป้นวงกลมทางด้านหน้า เป็นการปรับเปลี่ยนความเร็วชัตเตอร์ (ทางด้านบนคือ 1/30 วินาที) หากต้องการเปลี่ยนค่ารูรับแสงในโหมดแมนนวล ต้องกดปุ่ม AV ทางด้านหลังค้างไว้ก่อน จากนั้นกรอบสีฟ้า จะย้ายจากความเร็วชัตเตอร์ไปที่ตัวเลขบอกค่ารูรับแสง และตัวเลขจะถูกปรับให้ใหญ่ขึ้นอัตโนมัติ และการปรับฟังก์ชั่นต่างๆ ด้วยการกดปุ่ม จะแสดงไอคอนขนาดใหญ่เฉพาะฟังก์ชั่นนั้นๆ และถ้าไม่ต้องการ ให้แสดงผลบนจอ LCD เพียงกดปุ่ม DISP. ทางด้านหลัง จอจะปิดการแสดงผลทันที หรือเมื่อแนบตาเข้ากับช่องมองภาพ จอก็จะปิดอัตโนมัติเช่นกัน (ดูข้อมูลจากในช่องมองภาพแทน)


EOS 450D ใช้แบตเตอรี่ที่ออกแบบใหม่รุ่น LP-E5 แบบ Lithium-ion ให้กำลังไฟมากขึ้น 50% ทำให้ถ่ายภาพได้มากขึ้น และมีแบตเตอรี่กริปใหม่ BG-E5 ใช้แบตเตอรี่ได้พร้อมกัน 2 ก้อน หรือ AA 6 ก้อน เพิ่มความสะดวกในการถ่ายภาพแนวตั้ง ใช้แฟลชภายนอกรุ่น Speedlite 580EX II สามารถควบคุมการทำงานของแฟลชจากตัวก
ล้องได้

ตัวกล้องของ EOS 450D ตัวเล็กและเบากว่าเดิม ทำให้สะดวกในการนำไปใช้งานถ่ายภาพตามที่ต่างๆ โดยมีจอ LCD สำหรับดูภาพขนาดใหญ่ 3.0 นิ้ว และออกแบบให้ใช้เมมโมรี่การ์ดแบบ SD หรือ SDHC แทนการใช้การ์ด CF ทำให้ตัวกล้องเล็กและน้ำหนักเบา อีกทั้งการ์ด SS/SDHC หาซื้อได้ง่ายและมีความจุสูง ปัจจุบันสูงสุด 32GB

ช่องมองภาพของ EOS 450D ออกแบบใหม่ แสดงภาพ 95% มองดูภาพได้ชัดเจน ด้วยการออกแบบ ชุดสะท้อนภาพแบบ Eeflective evaporated-silver mirror มองภาพได้กว้างและมองห่างได้ถึง 19 มม. ทำให้ใช้งานสะดวกแม้ว่าจะสวมแว่นตาขณะถ่ายภาพ ภายในช่องมองแสดงขุดโฟกัส และข้อมูลต่างๆ ที่ใช้ในการบันทึกภาพ อาทิ ระบบวัดแสง ออโต้โฟกัส แฟลช ความไวแสง ความเร็วชัตเตอร์ รูรับแสง เป็นต้น

EOS 450D ออกแบบกริปมือจับใหม่ หุ้มด้วยยางกันลื่น จับถือได้กระชับมือมากยิ่งขึ้น และออกแบบปุ่มปรับ ISO ใหม่ อยู่ทางด้านบนของกริปมือจับ สามารถปรับเปลี่ยน ISO ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องละสายตา ออกจากช่องมองภาพ โดยดูตัวเลข Iso ได้จากในช่องมองภาพ นอกจากนี้ยังมี การตอบสนอง การใช้งานที่รวดเร็ว มีช่วงเวลาการลั่นชัตเตอร์สั้นมากเพียง 0.09 วินาที และช่องมองภาพมืด ขณะลั่นชัตเตอร์เพียง 0.13 วินาทีเท่านั้น การถ่ายภาพหน่วงเวลาเลือกได้แบบ 10 วินาที สำหรับถ่ายตัวเอง หรือ 2 วินาที สำหรับลดการสั่นไหวเมื่อถ่ายภาพด้วยความเร็วชัตเตอร์ต่ำ และไม่มีสายลั่นชัตเตอร์ พร้อมระบบวัดแสงแบบเฉพาะจุดใหม่ พื้นที่วงกลม 4% กลางจอภาพแบบเดียวกับที่ใช้ในกล้องรุ่นโปร

ทางด้านข้างมีช่องใส่เมมโมรี่การ์ด มีฝาปิดแบบบานพับเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนไปใช้ SD/SDHC ที่มีขนาดเล็กกว่า CF ค่อนข้างมาก ทำให้ส่วนของช่องใส่เมมโมรี่การ์ดมีขนาดเล็กลง และปัจจุบันเมมโมรี่การ์ด SD/SDHC มีราคาไม่แพง หาซื้อง่าย และมีความจุสูงมากเช่น 8, 16 หรือ 32 GB ทำให้ถ่ายภาพได้มากเท่าที่ต้องการ แม้ว่าจะเลือกบันทึกไฟล์ฟอร์แมท RAW หรือ RAW+JPEG ที่มีขนาดไฟล์ใหญ่มากก็ตาม

อีกด้านหนึ่งเป็นช่องต่อเชื่อมภายนอก มีแผ่นยางปิดเอาไว้ ภายในมีช่อง Video สำหรับเปิดชมภาพจากโทรทัศน์ ช่องต่อสายรีโมท คอนโทรล และช่อง USB ต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อดาวน์โหลดภาพ หรือควบคุม การถ่ายภาพจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ด้วยซอฟท์แวร์ Remote Capture ที่ให้มาพร้อมกับตัวกล้อง หรือ จะต่อตรงเข้ากับพริ้นเตอร์เพื่อสั่งพิมพ์ภาพก็ได้ รองรับมาตรฐาน PictBridge และ Direct Print

จากการทดลองถ่ายภาพจริง พบว่ากล้องรุ่นนี้มี การตอบสนองการใช้งานที่รวดเร็ว มีช่วงเวลาการลั่นชัตเตอร์สั้นมากเพียง 0.09 วินาที และช่องมองภาพมืด ขณะลั่นชัตเตอร์เพียง 0.13 วินาทีเท่านั้น ต
่างกับรุ่น EOS 400D อย่างเห็นได้ชัด ส่วนการถ่ายภาพหน่วงเวลาเลือกได้แบบ 10 วินาที (ตั้งเวลาได้จาก 2-10 วินาที) หรือแบบคงที่ 2 วินาที สำหรับลดการสั่นไหวเมื่อถ่ายภาพด้วยความเร็วชัตเตอร์ต่ำ และไม่มีสายลั่นชัตเตอร์ หรือ จะเลือกใช้งานกับรีโมทคอนโทรลไร้สายก็ได้

ความคิดเห็น

จากการใช้งานนานกว่า 10 วัน ผมใช้กล้องแคนนอน EOS 450D ถ่ายภาพไปมากกว่าหนึ่งพันภาพ ทดลองถ่ายภาพในเกือบทุกสถานการณ์ บางครั้งก็ใช้แทนกล้องรุ่นโปรที่ใช้งานอยู่เป็นประจำ ผล
ที่ได้คือ ความประทับใจในระบบการทำงานที่รวดเร็วแม้ว่าจะเป็นเพียงกล้องรุ่นเล็ก ไฟล์ภาพที่ได้มีคุณภาพดีมาก ไม่ว่าจะเป็นความคมชัด คอนทราสท์ เฉดสี และ Noise ที่ต่ำมาก สำหรับเลนส์คิทขนาด 18-55 มม. IS มีคุณภาพใช้ได้เลยครับ ที่สำคัญคือ มีระบบป้องกันภา
พสั่นไหว IS บางครั้งผมถ่ายภาพในอาคารด้วยความเร็วชัตเตอร์ต่ำมากเพียง 1/8 วินาที ภาพที่ได้ก็ยังคมชัด ต่างกับการไม่ใช้ IS อย่างเห็นได้ชัด และเมื่อเปลี่ยนไปใช้เลนส์เกรดโปรซีรีย์ L ที่ผมมีอยู่ หลายตัว ภาพที่ได้จะมีคุณภาพดีขึ้นทันตาเห็น จน แยกไม่ออกว่าเป็นไฟล์ภาพจากกล้องรุ่นเล็ก EOS 450Dหรือกล้องโปรที่มีราคาหลักแสนกันแน่ อย่างไรก็ตาม กล้องรุ่นนี้ไม่ได้ออกแบบมา เพื่อลุยงานหนักเหมือนกล้องโปร ถ้าใช้เพียงบันทึกภาพทั่วๆ ไป พูดได้คำเดียวกับ ราคาขนาดนี้ ถือ เกินคุ้มครับ .......

วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2551

รีวิวของใหม่ canon eos 40D

มาแล้วนะคับสำหรับ รีวิว ตัวใหม่ๆ อย่างเจ้าตัวนี้ ส่วนตัวผมนะ อยากได้มั๊กมั๊ก แต่ด้วยเหตุผลหลายประการ (ไม่มีเงิน - -) จึงทำให้ตเองใช้เจ้าตัวเก่าให้คุ้มค่าเสียก่อน อิอิ ว่าแล้วก็เริ่มเลยล่ะกันนะคับป๋ม ~

หลังจากที่มีข่าวคราวข่าวกันมาเนิ่นนานว่าจะมีกล้องที่เรียกได้ว่าเป็นทายาทของ Canon EOS30D ออกมา ซึ่งหลายกระแสก็เดากันไปต่างๆนานๆ ว่ามันจะมีประสิทธิภาพเป็นเช่นไร โดยในตอนนี้เราก็ได้รู้แล้วว่ากล้องตัวที่พูดถึงนั่นก็คือเจ้า 40D นั่นเอง และสำหรับในวันนี้ ที่ผมได้มีโอกาสสัมผัสกับ Canon EOS 40Dตัวเป็นๆเสียทีจึงอยากนำมันมารีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รู้ลึกไปถึงคุณสมบัติและประสิทธิภาพของมันอย่างเจาะลึกไปพร้อมๆกัน ว่ามันมีดีเช่นไรCanon EOS 40D เป็นกล้องระดับโปรซูมเมอร์ที่มาพร้อมกับความละเอียด 10.1 ล้านพิกเซล (3888 x 2592 พิกเซล) ใช้ระบบเซ็นเซอร์ในแบบ CMOS ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่โดย Canon เอง มีขนาด APS-C คูณทางยาวโฟกัสเพิ่ม 1.6 เท่า ส่วนระบบประมวลผลนั้น 40D มีระบบประมวลผลแบบใหม่ที่มีชื่อว่า DIGIC III ซึ่งมาพร้อมกับเมมโมรี่ในรูปแบบ DDR SDRAM ใหม่ที่มีความเร็วสูง สามารถบันทึกข้อมูลได้ในแบบ 4 ช่องสัญญาณ ทำให้ตัวกล้องสามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ 40D สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ด้วยความเร็วสูงสุด 6.5 ภาพต่อวินาที และถ่ายต่อเนื่องติดต่อกันได้มากที่สุดในรูปแบบของไฟล JPEG (Large/Fine) อยู่ที่ 75 ภาพ ส่วนไฟล์ RAW อยู่ที่ 17 ภาพ และไฟล์ RAW+JPEG (Large/Fine) นั้นอยู่ที่ 14 ภาพ นอกไปจากนั้น Canon EOS 40D ยังมีคุณสมบัติในการโฟกัสที่รวดเร็วและแม่นยำ โดยมีจุดออโต้โฟกัสในแบบแนวกว้างรูปกากบาทหรือ Cross – type ถึง 9 จุด พร้อมทั้งยังมีจุดช่วยโฟกัส (รวมจุดโฟกัส 45 จุด) เลยทีเดียว

และสำหรับจอแอลซีดีของ Canon EOS 40D ก็ถือได้ว่าเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งเหมือนกัน เพราะด้วยขนาดที่ใหญ่ถึง 3 นิ้ว ความละเอียดอยู่ที่ 230,000 พิกเซล แถมยังเป็นในแบบ Live View ที่สามารถใช้ร่วมกับระบบออโต้โฟกัสได้ พร้อมทั้งยังมีโหมด Silent ให้ได้ใช้ถึง 2 โหมดด้วยกัน โดยในโหมดแรกจะลดเสียงของชัตเตอร์ลง และยังสามารถถ่ายภาพแบบต่อเนื่องได้ด้วยความเร็วต่ำ ส่วนโหมดที่สองนั้นจะเงียบที่สุด เพราะเมื่อกดชัตเตอร์ถ่ายรูปแล้วม่านชัตเตอร์จะไม่ดีดกลับทันที จนกว่าจะปล่อยปุ่มชัตเตอร์ จึงใช้ถ่ายได้ทีละภาพเท่านั้น ซึ่งโหมดเงียบนี้เหมาะกับการใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการความเงียบเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวน เช่น ในห้องสมุด สถานที่ทางศาสนา พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ ห้องเรียน ห้องประชุม กองถ่าย การแข่งขันกีฬาบางประเภทที่ต้องการความเงียบ เป็นต้น ทั้งนี้ Live View ยังช่วยอำนวยความสะดวกในสถานการณ์ที่ต้องการควบคุมการถ่ายภาพผ่านทางคอมพิวเตอร์ทั้งการเชื่อมต่อแบบมีสายและไร้สายได้ดีอีกด้วย


นอกไปจากนั้น Canon EOS 40D ยังได้ปรับปรุงระบบกำจัดฝุ่นที่มีชื่อว่า EOS Integrated Cleaning System (EOS I.C.S) ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงช่วยให้ทำความสะอาดฝุ่นที่เกาะอยู่หน้าเลนส์ได้สะอาดหมดจด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การถ่ายภาพจะไม่มีฝุ่นที่ไม่พึงประสงค์มาบดบังรูปภาพที่สวยงามของคุณอีกต่อไป สุดท้ายกับอุปกรณ์เสริมของ Canon EOS 40D โดยตัวที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก นอกจากเลนส์ที่มีให้เลือกใช้ทุกช่วยแล้วนั่นก็คือ Battery Grip BG-E2N ซึ่งมันมีการซีลรอยต่อเพื่อป้องกันฝุ่นและละอองน้ำไว้ด้วย และอุปกรณ์อีกตัวที่น่าสนใจนั่นก็คือ Wireless File Transmitter WFT-E3 ซึ่งมีความสามารถในการโอนถ่ายข้อมูลภาพจากตัวกล้องไปยังคอมพิวเตอร์ได้ในแบบไร้สายนั่นเอง

จากการทดสอบ Canon EOS 40D มีความสามารถในการถ่ายภาพที่ดีเยี่ยมเลยเลยทีเดียว ด้วยความละเอียดที่มีถึง 10.1 ล้านพิกเซล (3888 x 2592 พิกเซล) จึงช่วยให้สามารถนำภาพที่ถ่ายได้ไปพิมพ์กับกระดาษขนาด A4 ได้อย่างไม่มีปัญหาแต่อย่างใด รวมไปถึงยังสามารถนำไปใช้กับงานประเภทกราฟิกได้ดีอีกด้วย ส่วนระบบออโต้โฟกัสที่มีจุดออโต้โฟกัสในแบบแนวกว้างรูปกากบาทหรือ Cross – type ถึง 9 จุดนั้น ก็ช่วยในการถ่ายภาพอย่างมาก โดยมันสามารถทำงานได้ในสภาวะที่มีแสงน้อยระดับ f/ 5.6 และโดยสำหรับที่จุดกลางภาพ จะมีความไวในการทำงานสูงถึงระดับ f/ 2.8 ทั้งในแนวตั้งและแนวนอน จึงทำให้การโฟกัสมีความแม่นยำเป็นอย่างยิ่ง โอกาสที่จะถ่ายภาพแล้วหลุดโฟกัสจะเกิดขึ้นได้น้อยมากๆ ทั้งนี้ 40D ยังมีการโฟกัสที่รวดเร็วเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

พอพูดถึงความรวดเร็วแล้วเจ้ากล้องตัวนี้ ก็มีให้พูดถึงอย่างเหลือเฝือเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นตอนเปิดเครื่องครั้งแรกนั้น มันใช้เวลาแค่เพียง 0.15 วินาทีในการเปิดกล้องพร้อมใช้งาน และด้วยระบบประมวลผลแบบใหม่ที่มีชื่อว่า DIGIC III ซึ่งมาพร้อมกับเมมโมรี่ในรูปแบบ DDR SDRAM ที่สามารถบันทึกข้อมูลได้ในแบบ 4 ช่องสัญญาณ ก็ช่วยให้การถ่ายภาพตลอดจนการประมวลผลภาพต่างๆมีความคล่องแคล่วว่องไวสมบูรณ์แบบค่อนข้างมาก และสำหรับการทดสอบถ่ายภาพต่อเนื่องนั้น เจ้า Canon EOS 40D ก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วเลยทีเดียว โดยภาพที่ถ่ายออกมานั้น ถ้าเอามาเปิดดูแบบเรียงต่อกันเร็วๆ จะเห็นว่ามันแทบจะใกล้เคียงกับภาพที่ถ่ายในแบบวิดีโออย่างใดอย่างนั้น และสำหรับการถ่ายภาพในตอนที่มีแสงน้อยนั้น Canon EOS 40D สามารถใช้ค่าความไวแสงได้สูงสุดถึง ISO 3200 โดยไม่พบ Noise แต่อย่างใด และภาพที่ได้ออกมาก็มีความสมบูรณ์อยู่ค่อนข้างมาก ที่เป็นอย่างนี้เพราะทาง Canon เองได้บรรจุเอาระบบลด Noise แบบ On-Chip Noise Reduction เอาไว้ในตัวเครื่อง จึงทำให้อาการ Noise พบได้ยากยิ่งในตัว 40D


ส่วนจอภาพแอลซีดี TFT ที่เป็นแบบ Live View ก็ทำให้การถ่ายภาพมีความสะดวกเป็นอย่างมากในสถานการณ์ที่ไม่สามารถใช้ช่องมองภาพเพื่อถ่ายภาพได้ โดยส่วนตัวได้นำไปทดสอบกับการถ่ายภาพในตอนที่มีงานแถลงข่าว ซึ่งจะถ่ายภาพลำบากอย่างมาก ถ้าใช้การมองจากช่องมองภาพในการถ่ายภาพ เพราะจะมีนักข่าวมากมายแย่งกันถ่ายภาพ จนหัวบังไปหมด ซึ่งถ้าเราตัวสูงประมาณ 200 ซม. ขึ้นไปก็คงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่ถ้าเราตัวไม่สูงขนาดนั้นจอภาพแอลซีดีที่เป็นในแบบ Live View ก็ช่วยแก้ปัญหานี้ไปได้เยอะทีเดียว แค่เพียงเปิดการใช้งานในโหมดนี้ แล้วยกตัวกล้องขึ้นเหนือศีรษะก็สามารถมองเห็นตัวแบบที่ต้องการจะถ่ายผ่านทางจอแอลซีดีได้อย่างพอดี เท่าที่ทดสอบโหมดการใช้งานหน้าจอแอลซีดีในแบบ Live View นี้ก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเราเป็นอย่างมาก แต่ดูแล้วยังค่อนข้างหน่วงไปสักนิด ถ้ามันตอบสนองได้รวดเร็วกว่านี้ก็คงจะยอดเยี่ยมไปเลย และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพในไฟล์ Raw ก็ต้องมาฟังทางนี้ เพราะเจ้า 40D มีความสามารถในการถ่ายภาพได้ในรูปแบบของไฟล์ที่มีชื่อว่า “sRaw” ซึ่งมีคุณสมบัติเหมือนกับไฟล์ Raw แต่มีขนาดที่เล็กลงถึงครึ่งหนึ่ง ช่วยให้ประหยัดเนื้อที่ในการบันทึกข้อมูลไปได้เยอะมากเลยทีเดียว

คุณภาพไฟล์ยอดเยี่ยมขึ้น

ใน EOS 40D แคนนอนใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ CMOS ขนาด APS-C ที่ต้องคูณทางยาวโฟกัสอีก 1.6 เท่าเช่นเดิม แต่เป็นเซ็นเซอร์ CMOS ที่ได้รับการออกแบบมาใหม่ ให้คุณภาพสูงกว่า มีความละเอียดของภาพแสดงผลที่ 10.1 ล้านพิกเซล (3888x2592 พิกเซล) สามารถนำไปใช้ในงานพิมพ์ที่ต้องการความละเอียดสูงแบบปูเต็มหน้า A4 ได้อย่างเหลือเฟือ ให้ความลึกสีสูงถึง 14 บิท จึงเก็บรายละเอียดต่างๆ และไล่โทนสีได้อย่างละเอียดและนุ่มนวล แสดงเฉดสีได้ครบถ้วนสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีการติดไมโครเลนส์ไว้ที่หน้าเซ็นเซอร์ เพื่อช่วยให้เก็บรายละเอียดได้ดียิ่งขึ้น และให้ค่าไดนามิคเรนจ์กว้างด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่น Highlight Tone Priority การเก็บรายละเอียดในส่วนสว่างอย่างเช่นเสื้อผ้าสีขาวนั้น จึงทำได้ดีกว่าเดิมมาก ไม่เสียรายละเอียดไปทั้งหมด แต่จะเลือกใช้ค่า ISO 100 ไม่ได้
EOS 40D ให้คุณภาพที่ดีเยี่ยมเมื่อต้องใช้งานในที่แสงน้อย สามารถตั้งค่าความไวแสงได้ตั้งแต่ ISO 100-1600 เป็นมาตรฐาน และสามารถบูสท์ไปที่ H ได้ในคัสตอมฟังก์ชั่นที่ 1-3 ซึ่งจะเทียบเท่า ISO 3200 ทั้งยังมี ISO AUTO ที่กล้องจะเลือกใช้ในช่วง ISO 100-800 เพื่อให้ได้ความเร็วชัตเตอร์ที่เพียงพอ นอกจากนี้แคนนอนยังได้ติดตั้งระบบลด Noise แบบ On-Chip Noise Reduction ก่อนจะส่งผ่านข้อมูลไปยังระบบประมวลผล ทำให้การใช้งานที่ความไวแสงสูง รวมทั้งการเปิดชัตเตอร์เป็นเวลานาน มี Noise น้อยกว่าเดิมมาก


ระบบประมวลผลใหม่ DiGiC III กับฟอร์แมตภาพที่หลากหลาย

แคนนอนใช้ระบบประมวลผลที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด DiGiC III อันเป็นอัลกอลิธึมที่ซับซ้อน ในการจัดการกับข้อมูลภาพที่มีจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว โดยทำให้ EOS 40D สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงสุดที่ 6.5 เฟรมต่อวินาทีเลยทีเดียว ซึ่งภาพทั้งหมดยังคงได้คุณภาพที่ดีเยี่ยมในทุกๆ ด้านเฉกเช่นเดียวกับกล้องระดับโปร นอกจากความเร็วถ่ายภาพต่อเนื่องแล้ว ระบบการทำงานต่างๆ ยังคงรวดเร็วขึ้นด้วย และช่วยให้ประหยัดพลังงานได้อย่างยอดเยี่ยม ไฟล์ฟอร์แมตของ EOS 40D มีความยืดหยุ่นสูงมาก โดยแคนนอนได้เพิ่มไฟล์ฟอร์แมต sRAW (1936x1288 พิกเซล หรือ 2.5 ล้านพิกเซล) ใหม่เข้าไป ซึ่งออกแบบมาให้ผู้ใช้ที่ต้องการคุณภาพระดับสูง แต่ไม่ต้องการไฟล์ภาพขนาดใหญ่ไว้เป็นตัวเลือก ซึ่งจะส่งผลถึงความเร็วในการทำงานของกล้องที่เร็วขึ้น ถ่ายภาพได้มากขึ้น รวมไปถึงขั้นตอนการโปรเซสภาพในภายหลัง ที่จะทำได้รวดเร็วขึ้นกว่าไฟล์ RAW แบบเต็มความละเอียด นอกจากนี้ยังสามารถเลือกแบบ sRAW+JPEG กับไฟล์ JPEG ทุกขนาดได้ ทำให้ไฟล์ฟอร์แมตของ EOS 40D สามารถเลือกได้ถึง 20 แบบด้วยกันเลยทีเดียว

เพิ่มประสิทธิภาพเรื่องความเร็ว

แคนนอนปรับปรุงความเร็วในการทำงานให้ กับ EOS 40D เป็นอย่างมาก โดยได้เพิ่มความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องขึ้นเป็น 6.5 เฟรมต่อวินาที (EOS 30D ทำได้ 5 เฟรมต่อวินาที) ซึ่งถือได้ว่าเร็วที่สุดในกล้องระดับเดียวกัน และเป็นรองกล้องระดับโปรซีรี่ส์ EOS-1D เท่านั้น อีกทั้งยังสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องรวดเดียวได้มากถึง 75 ภาพกับไฟล์แบบ JPEG และ 17 ภาพแบบ RAW หรือ RAW+JPEG ก็ยังทำได้ถึง 14 ภาพเลยทีเดียว ทำให้ไม่พลาดช็อตสำคัญไป ด้านความเร็วในการโฟกัส EOS 40D ได้ถูกพัฒนาให้มีขีดความสามารถสูงมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้ระบบออโตโฟกัสใหม่ที่มีจุดโฟกัส 9 จุด ทั้งหมดเป็นเซ็นเซอร์แบบกากบาทหรือ Cross-type ที่ทำงานได้ในสภาพแสงน้อยระดับ f/5.6 และโดยเฉพาะที่จุดกลางภาพ จะมีความไวในการทำงานสูงถึงระดับ f/2.8 ทั้งในแนวตั้งและแนวนอน ทำให้กล้องสามารถโฟกัสได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้นกว่าเดิมมาก

ระบบ Live View ใหม่พร้อมออโตโฟกัส

ระบบการเห็นภาพก่อนถ่ายด้วยจอ LCD ที่ด้านหลังกล้องเช่นเดียวกับกล้องคอมแพค หรือที่นิยมเรียกกันว่า Live View นั้น ดูจะกลายเป็นกระแสนิยมไปแล้ว และแคนนอนเองก็เคยใส่ระบบนี้ไว้ในกล้องระดับโปรอย่าง EOS-1D Mark III เป็นตัวแรกมาแล้วด้วย แต่ Live View ใหม่ใน EOS 40D มีความก้าวหน้าและเหนือกว่าที่ใช้ใน EOS-1D Mark III ไปมาก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและการทำงานที่ดียิ่งขึ้น
EOS 40D ใช้จอ LCD ขนาดใหญ่ 3.0 นิ้ว การเปิดใช้ Live View จึงมองภาพที่แสดงผลในแบบ Real Time ได้อย่างชัดเจนเต็มตา ทั้งยังแสดงภาพได้ 100% การโฟกัสภาพจึงยิ่งเห็นผลได้ง่าย สามารถซูมขยายภาพเพื่อการโฟกัสที่แม่นยำยิ่งขึ้นได้ 2 สเตปที่ 5 และ 10 เท่า ช่วยลดความผิดพลาดจากการโฟกัสได้มากขึ้น เพียงเท่านี้ก็อาจจะรู้สึกว่าไม่ต่างอะไรกับ Live View ใน EOS-1D Mark III แต่เสียงตอบรับกลับมาคือไม่สามารถใช้ระบบออโตโฟกัสได้ จึงขาดความคล่องตัว แคนนอนจึงปรับปรุง Live View ของ EOS 40D ให้สามารถออโตโฟกัสได้แล้ว โดยใช้ปุ่ม AF-ON ที่อยู่มุมขวาบนที่ด้านหลังกล้องเป็นปุ่มโฟกัส แต่ก็จะไม่สามารถเห็นภาพขณะที่กำลังออโตโฟกัสได้ จึงต้องฟังเสียงเตือนโฟกัสชัดว่าภาพชัดหรือยัง เมื่อปล่อยปุ่ม AF-ON ภาพก็จะกลับมาอีกครั้ง
ส่วนด้านการแสดงผล หากเป็นค่ามาตรฐานจากโรงงานไม่เพียงแค่แสดงภาพ, ิกเจอร์สไตล์ที่ใช้, ปริมาณแบตเตอรี่ และมีข้อมูลการถ่ายภาพที่ใต้ภาพเท่านั้น แต่ยังเลือกให้ EOS 40D แสดงเส้นตารางกริดได้อีกด้วย เพื่อช่วยให้การวางภาพไม่เอียง และได้โพสิชั่นของภาพที่สวยงาม นอกจากนี้ยังแสดงผลจากการปรับตั้งค่าการถ่ายภาพได้ด้วย ทั้งค่าความสว่างหรือค่าไวท์บาลานซ์ของภาพ ว่าถูกต้องสมจริงหรือไม่อย่างไร โดยต้องเข้าไปตั้งค่าคัสตอมฟังก์ชั่นที่ 4-7 Live View Exposure Simulation เป็น Enable เสียก่อน นอกจากนี้ก็ยังสามารถใช้ฟังก์ชั่น Remote Live View ได้ คือสามารถจะควบคุมกล้องผ่านคอมพิวเตอร์ด้วยซอฟท์แวร์ EOS Utility ไม่ว่าจะเชื่อมต่อด้วยสาย USB หรือระบบ Wireless ก็จะสามารถเห็นภาพก่อนถ่ายเป็นแบบ Real time ได้เช่นกัน จึงเห็นภาพได้ใหญ่ยิ่งขึ้นด้วยจอของคอมพิวเตอร์ การตรวจสอบโฟกัสและการจัดวางคอมโพสิชั่นภาพจึงทำได้สะดวกและดียิ่งขึ้น
สิ่งพิเศษอีกอย่างของ Live View ใน EOS 40D ก็คือมีโหมดเงียบ (Silent Shooting Mode) ให้ใช้ได้ 2 โหมดด้วยกัน โดยโหมดแรกจะลดเสียงของชัตเตอร์ลง และยังสามารถถ่ายภาพแบบต่อเนื่องได้ด้วยความเร็วต่ำ โหมดที่สองจะเงียบที่สุด เพราะเมื่อกดชัตเตอร์ถ่ายรูปแล้วม่านชัตเตอร์จะไม่ดีดกลับทันที จนกว่าจะปล่อยปุ่มชัตเตอร์ จึงใช้ถ่ายได้ทีละภาพเท่านั้น ซึ่งโหมดเงียบนี้เหมาะกับการใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการความเงียบเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวน เช่น ในพิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด กองถ่าย สถานที่วิปัสสนา การแข่งขันกีฬาบางประเภท เป็นต้น และการใช้ระบบ Live View ใน EOS 40D จะทำให้ค่า Time Lag ของชัตเตอร์ลดลงอีกด้วย

บอดี้ที่ยอดเยี่ยม

EOS 40D จัดว่าเป็นกล้องที่อยู่ในระดับ Advanced Amatuer ที่นอกจากจะต้องมีประสิทธิภาพการทำงานในขั้นสูงแล้ว ตัวของบอดี้กล้องยังถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างสมบุกสมบัน โดยตัวบอดี้ขึ้นรูปด้วยโลหะแบบแมกนีเซียมอัลลอยด์ทั้งชิ้น และใช้สแตนเลสในการผลิตเฟรมภายในตัวกล้อง จึงเชื่อได้ในเรื่องความแข็งแรงทนทาน ขนาดตัวกล้องใหญ่ขึ้นกว่าเดิมแต่ก็ให้การจับถือที่ดีกว่า ด้วยการทำช่องนิ้วไว้ให้บนสันกริปด้วย
ม่านชัตเตอร์ของ EOS 40D ถูกทดสอบมาแล้วกว่า 100,000 ครั้ง ว่ายังสามารถทำงานได้อย่างแม่นยำและมีความถูกต้อง ส่วนช่องมองภาพถูกออกแบบมาใหม่ มองเห็นภาพได้ 95% ให้อัตราขยาย 0.95x จึงมองเห็นได้ใหญ่โตชัดเจน มองได้กว้างถึง 26.4 องศา โดยมีระยะ Eye-Point 22 มม.
จอ LCD ของกล้องรุ่นนี้ขยายขึ้นมาเป็น 3.0 นิ้ว จึงมองภาพได้อย่างชัดเจน ใหญ่โตเต็มตา โดยมีความละเอียด 230,000 พิกเซล มีองศาการมองภาพกว้าง 140 องศาจากทุกมุมมอง และสามารถปรับค่าความสว่างของหน้าจอได้ 7 ระดับ เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในสภาพแสงต่างๆ ด้วย


EOS Integrated Cleaning System

หลังจากที่แคนนอนได้เพิ่มระบบกำจัดฝุ่น ที่อาจเกาะที่หน้าระนาบเซ็นเซอร์เข้ามาในกล้องรุ่น EOS 400D เป็นต้นมา ก็กลายเป็นระบบที่ขาดไปไม่ได้เสียแล้ว และใน EOS 40D ก็เช่นกัน ด้วยการติดตั้งชุดที่ใช้เขย่าชั้นฟิลเตอร์ที่หน้าเซ็นเซอร์ ด้วยความเร็วสูงระดับอุลตร้าโซนิค ซึ่งจะทำงานทั้งตอนที่เปิดหรือปิดกล้องโดยอัตโนมัติหรือจะสั่งเองแบบแมนนวลก็ได้ หากยังมีฝุ่นเกาะอยู่ ระบบภายในของ EOS 40D จะตรวจสอบว่าจุดด่างดำที่อยู่บนภาพเกิดจากฝุ่นหรือไม่ หากใช่ก็จะลบจุดด่างดำดังกล่าวได้ด้วยระบบ Dust Delete Function ในโปรแกรม DPP ของแคนนอนเองได้อย่างอัตโนมัติ ภาพที่ได้จึงใสเคลียร์อยู่เสมอ

การออกแบบ : รูปลักษณ์ภายนอกของ EOS 40D ดูเผินๆ แล้วก็แทบจะไม่ได้แตกต่างจาก EOS 30D เท่าใดนัก จุดแตกต่างที่จะสังเกตได้ชัดคือบริเวณของกะโหลกกล้องที่ดูหนาขึ้นและตัดมุมเล็กน้อย ทำให้ดูสวยขึ้นมากแม้จะเป็นการปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยก็ตาม แป้นปรับโหมดใหญ่ขึ้น ฐานฮอทชูแฟลชยกสูงขึ้น และจอ LCD ที่ใหญ่โตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ด้านหน้า : แคนนอนยังคงความโค้งมนของบอดี้ไว้เช่นเคย ขนาดตัวกล้องกำลังดี ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป สันกริปตัดชันหุ้มด้วยยางลายหยาบ และทำร่องนิ้วไว้ให้ด้วย จึงจับถือได้อย่างถัดมือ วางตำแหน่งของปุ่มชัตเตอร์บนฐานที่ทำสโลปตัดลงอีกเล็กน้อย กดได้สะดวกยิ่งขึ้น ตรงกะโหลกกล้องออกแบบให้ตรงกลางส่วนล่างโค้งลงเล็กน้อย ทำให้ดูหนาขึ้นและทำการปาดมุมทางด้านบนทั้ง 2 มุม ทำให้ดูสวย ไม่เรียบมนไปทั้งหมดเสียทีเดียว แผ่นป้ายบอกชื่อรุ่น EOS 40D ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย และปุ่มปลดล็อกเลนส์ออกแบบทรงใหม่ด้วย
ด้านบน : แคนนอนยังคงวางเลย์เอาท์ของปุ่มกดไว้เช่นเดิม แต่มีการเปลี่ยนการทำงานของปุ่มเสียใหม่ โดยปุ่มกด 4 ปุ่มที่เรียงกันเหนือจอ LCD นั้น ปุ่มซ้ายสุดยังเป็นปุ่มเปิดไฟดูข้อมูลเช่นเดิม ถัดมาเป็นปุ่มเลือกระบบวัดแสงและไวท์บาลานซ์ (เดิมเป็นระบบออโตโฟกัสกับไวท์บาลานซ์) ปุ่มที่สามเป็นปุ่มเลือกระบบออโตโฟกัสและระบบเลื่อนภาพ (เดิมเป็นระบบเลื่อนภาพกับความไวแสง) ปุ่มขวาสุดใช้เลือกความไวแสงและชดเชยแสงแฟลช (เดิมเป็นระบบวัดแสงและชดเชยแสงแฟลช) การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ได้ทำให้การใช้งานสับสนแต่อย่างใด ยังคงใช้งานได้รวดเร็วตามปกติเช่นเดิม
จอ LCD เล็กนี้ เพิ่มการแสดงความไวแสงไว้ด้วยนอกเหนือจากการปรับเลย์เอาท์เล็กน้อย ตรงบริเวณฐานของฮอทชูแฟลช แคนนอนทำฐานขึ้นโดยรอบทั้งด้านหน้า ซ้ายและขวา เพื่อรองรับการใช้งานร่วมกับแฟลช Speedlite 580EX II ที่จะครอบฐานแฟลชเพื่อกันละอองน้ำนั่นเอง และทางซ้ายสุดเป็นแป้นเลือกโหมดถ่ายภาพที่ดูมีขนาดใหญ่และสวยขึ้น ทั้งยังได้เพิ่มโหมดถ่ายภาพแบบคัสตอมให้อีก 3 ช่อง (C1, C2, C3) เพื่อใช้ตั้งระบบล่วงหน้าให้เป็นแบบเฉพาะตัวนั่นเอง
ด้านข้าง : ทางฝั่งซ้ายเป็นช่องอินเตอร์เฟสต่างๆ วางเรียงบน 2 แถว แถวซ้ายด้านบนเป็นช่องเสียบสายซิงค์แฟลช ส่วนช่องล่างเป็นช่องเสียบรีโมต แถวขวาด้านบนเป็นช่อง VIDEO OUT และด้านล่างเป็นช่องเสียบสาย USB ทั้งหมดปิดด้วยแผ่นยางที่เปิดแยกกันได้ จึงใช้สะดวกไม่เกะกะ ส่วนฝั่งขวาเป็นบานพับเปิดปิดช่องใส่เมมโมรี่การ์ดที่แข็งแรงเช่นเดิม ใช้การ์ดแบบ CF ทั้ง Type I และ Type II

ความคิดเห็น : หากถามผมว่านี่ใช่กล้องที่รอคอยการมาถึงใช่หรือไม่ ..ผมคงตอบว่าไม่หากดูที่ความละเอียดของภาพเพียงอย่างเดียว แต่หากดูรวมๆ ถึงคุณภาพของภาพที่ทำได้ เทคโนโลยี ระบบการทำงานภายใน บอดี้ภายนอก และรวมถึงราคาจัดจำหน่าย คงต้องบอกว่าแคนนอนไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ และนี่ก็ถือว่าเป็นกล้อง DSLR ที่คุ้มค่าและน่าใช้มากๆ รุ่นหนึ่ง จัดอยู่ในระดับ Recommended ได้เลยครับ อุอุ


~๐ -------------------------------- ๐~